อินเวอร์เตอร์ 3 แบบ ที่เป็นที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
อินเวอร์เตอร์ สำหรับเจ้าของบ้านและเจ้าของกิจการที่สนใจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ การพิจารณาเลือกประเภทแผงโซล่าเซลล์มักจะเป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดเนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพ อายุการใช้งานของทั้งระบบ อีกทั้งยังส่งผลต่อมูลค่าการลงทุนของระบบทั้งหมดด้วยเนื่องจากแผงโซล่าเซลล์เป็นอุปกรณ์ส่วนที่มีมูลค่าสูงที่สุดของโครงการ
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจที่สำคัญอีกประการหนึ่งเกี่ยวข้องกับประเภทของอินเวอร์เตอร์ที่จะใช้เพื่อแปลงพลังงานกระแสตรง (DC) ที่แผงโซล่าเซลล์ผลิตเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) โดย อินเวอร์เตอร์ 3 แบบ ที่เป็นที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่
- สตริงอินเวอร์เตอร์ (String Inverter)
- มโครอินเวอร์เตอร์ (Micro Inverter)
- พาวเวอร์ออฟติไมเซอร์ (Power Optimizer)
โดยทั้งหมดมีการทำงานที่แตกต่างกันเล็กน้อยและมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป
สตริงอินเวอร์เตอร์ (String Inverter)
สตริงอินเวอร์เตอร์เป็นรูปแบบของอินเวอร์เตอร์ที่เป็นที่นิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งการติดตั้งโดยใช้สตริงอินเวอร์เตอร์นี้ แผงโซลาร์เซลล์จะต่อสายเข้าด้วยกันแบบอนุกรมเป็น “สตริง” และพลังงานทั้งหมดที่ผลิตได้จะถูกส่งไปยังอินเวอร์เตอร์เครื่องเดียวซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะอยู่ในห้องใต้ดิน โรงรถ หรือผนังข้างบ้าน
ข้อดี:
- บำรุงรักษาง่ายไม่ต้องปีนขึ้นไปบนหลังคา
- ราคาถูก
ข้อเสีย:
- พลังงานที่ได้จากแผงโซล่าเซลล์ในหนึ่งสตริงจะถูกจำกัดโดยแผงที่ผลิตไฟฟ้าได้น้อยที่สุดในตริงเท่านั้น
- ไม่รองรับมาตรฐานการหยุดทำงานในกรณีฉุกเฉิน หรือ Rapid Shutdown
ไมโครอินเวอร์เตอร์ (Micro Inverter)
ไมโครอินเวอร์เตอร์ถูกออกแบบใช้งานในลักษณะตรงกันข้ามกับสตริงอินเวอร์เตอร์ ระบบโซล่าเซลล์ที่มีไมโครอินเวอร์เตอร์จะมีอินเวอร์เตอร์ขนาดเล็กมากติดอยู่ที่ด้านหลังของแผงโซลาร์เซลล์แต่ละแผง ในขณะที่สตริงอินเวอร์เตอร์ส่งพลังงานจากทุกแผงไปยังอินเวอร์เตอร์เดียว ระบบที่ใช้ไมโครอินเวอร์เตอร์จะแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ DC เป็นพลังงาน AC ทันทีตั้งแต่บนหลังคาของอาคารและเชื่อมต่อไฟ AC เข้ากับกับไมโครอินเวอร์เตอร์ตัวอื่นๆ ในแบบขนาน
ข้อดี:
- หากแผงใดมีประสิทธิภาพต่ำลงจะไม่ได้ทำให้ความสามารถในการผลิตของระบบโซล่าเซลล์ทั้งหมดลดลง
- ตรวจสอบได้ง่ายเมื่อแผงแต่ละแผงมีข้อบกพร่องและจำเป็นต้องบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนใหม่
- รองรับมาตรฐานการหยุดทำงานในกรณีฉุกเฉิน หรือ Rapid Shutdown
ข้อเสีย:
- ราคาแพงกว่าสตริงอินเวอร์เตอร์
- โอกาสที่จะเจออินแวอร์เตอร์ชำรุดมีมากขึ้น และการเข้าบำรุงรักษาไมโครอินเวอร์เตอร์นั้นซับซ้อนเนื่องจากตั้งอยู่บนหลังคา
พาวเวอร์ออฟติไมเซอร์ (Power Optimizer)
Power Optimizer เป็นการรวมคุณสมบัติหลายประการของทั้งสตริงอินเวอร์เตอร์และไมโครอินเวอร์เตอร์เข้าด้วยกัน ส่วนที่เหมือนกับไมโครอินเวอร์เตอร์คือ Power Optimizer จะถูกติดตั้งที่ด้านหลังของแผงโซล่าเซลล์แต่ละแผง อย่างไรก็ตาม ระบบโซล่าเซลล์ที่มี Power Optimizer จะยังคงส่งพลังงานไฟฟ้าแบบ DC ที่ถูก “ปรับปรุง” แล้วไปยังอินเวอร์เตอร์เพียงตัวเดียวเช่นเดียวกันกับในระบบสตริงอินเวอร์เตอร์
ข้อดี:
- ความสามารถในการทำงานคล้ายคลึงกับระบบไมโครอินเวอร์เตอร์ แต่โดยทั่วไปจะมีราคาที่ต่ำกว่า
- รองรับมาตรฐานการหยุดทำงานในกรณีฉุกเฉิน หรือ Rapid Shutdown
ข้อเสีย:
- เช่นเดียวกับไมโครอินเวอร์เตอร์ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและซ่อมแซมโดยทั่วไปจะสูงเนื่องจากมีอุปกรณ์ Power Optimizer ติดตั้งอยู่บนหลังคาด้วย
- หาก inverter เสียหายตัวเดียวระบบทั้งหมดก็จะต้องหยุดทำงานไปด้วย
ในอนาคตอันใกล้ ระบบสตริงอินเวอร์เตอร์ (String Inverter) ที่เป็นเทคโนโลยีเก่าจะค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยระบบที่ทันสมัยและมีความปลอดภัยมากกว่า เช่น ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์ (Micro Inverter) และ พาวเวอร์ออฟติไมเซอร์ (Power Optimizer) เนื่องด้วยข้อกำหนดมาตรฐานการหยุดทำงานในกรณีฉุกเฉิน Rapid Shutdown ที่จะเริ่มมีการบังคับใช้ รวมถึงราคาของอุปกรณ์อินเวอร์เตอร์ทั้งสองแบบที่ต่อไปจะมีราคาต่ำลงเมื่อมีการผลิตในจำนวนที่มากขึ้น